當前位置

首頁 > 語言學習 > 泰語學習 > “金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙?

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙?

推薦人: 來源: 閱讀: 1.25W 次

泰劇裏女一和女二撕起來之後,經常能聽到她們會冒出來一句:“ดอกทอง”,翻譯成中文就是“金色的花朵”,表面上看起來平平無奇,但實際上侮辱性極強。到底是怎麼回事,今天的文章來給你答疑解惑。


เท่าที่เรียนรู้จากสังคมไทยสมัยเก่า พบว่ามีคำด่าแบบน่ารักน่าเอ็นดูอยู่ไม่น้อย เช่น สันขวาน หอกหัก บ้าบิ่น และก็มีที่นิยมด่าเป็นสำนวนโวหารแบบใช้ฝีมือทางกวี เช่น “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว” “สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล” “เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง” “คางคกขึ้นวอ”
據所瞭解到的關於以前泰國社會的知識,有很多看起來非常可愛的罵人的話,比如สันขวาน“腦子不靈光、不聰明”、หอกหัก“比喻像折斷的茅一樣沒用的人”、 บ้าบิ่น“形容魯莽 草率、說話做事不過腦子的人”,還有一些是用了類似詩句的熟語諺語來罵人,例如ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว“激濁揚清,嫉惡好善”、สำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล“行爲彰顯品行”、เห็นช้างขี้ ขี้ตามช้าง“看見大象拉屎,就也跟着拉屎,比喻跟屁蟲”、คางคกขึ้นวอ“像坐上轎子之後得意忘形的蟾蜍一樣”。

padding-bottom: 56.25%;">“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙?


ส่วนคำด่าในวรรณคดีอย่าง “อีกลีกลำส่ำสาม” คำของนางตะเภาแก้วตะเภาทองที่ด่านางวิมาลาเมียชาละวันว่า สัญชาติจระเข้ได้ผัวจระเข้แล้วไม่พอยังจะเอามนุษย์ (ไกรทอง) ทำผัวอีก นัยยะของคำจึงเป็นการด่านางวิมาลาว่า “หญิงกลี (กาลี) มีผัวถึงสามคน”
還有文學作品中罵人的話อีกลีกลำส่ำสาม“找了三個丈夫的女人”,這是 Taphaokaew 和 Taphaothong 在咒罵 Chlawan 的妻子 Wimala 時的話,像鱷魚一樣找了鱷魚作丈夫還不滿足,還 要再找人類的丈夫,就是在說 Wamala 是一個“找了三個丈夫的女人”。

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙? 第2張



คำด่าของไทยร่วมสมัยโดยมากจะมีการแบ่งแยกเพศค่อนข้างชัดเจน โดยนิยมยกเอา “สัตว์” ไม่ประเสริฐทั้งหลายขึ้นเทียบเคียงในการด่ากัน ระดับการเจ็บแสบต่างกัน ขึ้นกับเพศเป็นสำคัญ
現代泰語中罵人的話有着很明顯的性別 區分,喜歡用各種不那麼神聖的動物來互相比喻辱罵,不同動物的侮辱性也不一樣,關鍵在於聽話者的性別。


สำหรับเพศชาย ว่ากันตั้งแต่ “ควาย” สัตว์สี่เท้าช่วยงานมนุษย์ที่ไม่เคยขี้รดหัวใคร นอกจากเติมปุ๋ยข้าวกล้าในนาไร่ รวมทั้งสัตว์เลื้อยคลานที่นักธรรมชาติวิทยาระบุว่าเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งแวดล้อมที่ “เหี้ย” อาศัยอยู่ แค่ชื่นชอบที่จะลากอาหารของคนอื่นไปกินในน้ำเท่านั้น ถ้าจะแฝงความหมายถึงความขลาดแล้วก็ต้อง “ไอ้หน้าตัวเมีย” ซึ่งคำนี้เองผู้ชายที่ถูกผู้ชายด้วยกันด่าก็จะเจ็บแสบประมาณหนึ่ง แต่ถ้าคนด่าเป็นผู้หญิงแล้วจะถึงกับปวดแสบปวดร้อนเลยทีเดียว ทำนองเดียวกับ “แรด” หากผู้ชายด่าผู้หญิงระดับความแสบร้อนจะสูงกว่าผู้หญิงด่าผู้หญิงหรือผู้หญิงด่าผู้ชายทบเท่าทวีคูณ
對於男性來講,ควาย“形容人遲鈍笨重”這種幫助人做苦力的動物就被拿來罵人,儘管牛從來沒有在誰頭上拉屎,只是偶爾給田裏的秧苗施肥而已;還有一種動物也被用來當作罵人的詞,生物學家認爲它們的出現是當地富饒的標誌,那就是เหี้ย“巨蜥”,他們只是喜歡把食物拖進水裏享用罷了;如果想要暗含別人非常膽小,就會用 ไอ้หน้าตัวเมีย“娘娘腔”這樣的詞來諷刺,這樣的話要是在男生和男生之間用的話,聽起來還真的是非常扎心的,就算是被女生罵,也絕對不會好 受;還有แรด“犀牛”(形容搶別人男人的女人)這個詞,如果是男生對女生說的話,殺傷力絕對要比女生對女生說強上好幾倍。

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙? 第3張


ในเพศหญิง นิยมด่าคนที่สร้างความขุ่นเคืองเทียบกับดอกไม้ชั้นสูงที่ทำจากเหล่าสุวรรณกาญจนา นั่นคือ “ดอกทอง” หากเป็นสมัยต้นรัตนโกสินทร์มีอยู่คำหนึ่งนั่นคือ “สำเพ็ง” ถึงแม้จะเป็นย่านการค้าขายของคนจีน แต่ก็มีการทำธุรกิจส่วนตัวของผู้หญิงด้วย คนที่โดนด่าจึงเท่ากับถูกเปรียบเปรยว่าเป็นโสเภณี ติดตามมาด้วยคำด่ายุคเปิดรับวัฒนธรรมตะวันตกที่มีความหมายคล้ายกันคือ “ช็อกการี”
對女性來說,習慣用一種黃金做的高等花朵“ดอกทอง”來罵人,如果是在曼谷王朝初期的話,還有一個罵人的詞是สำเพ็ง,雖然這是一個華人商業區,但是也有很多女性在那 邊賣身,被罵 สำเพ็ง 的人就被比作爲妓女,後來西方文化的涌入還帶來了 ช็อกการี“妓女”這個罵人的詞。

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙? 第4張


ส่วนคำที่ผู้หญิงนิยมด่าผู้หญิงด้วยกันรวมทั้งด่าผู้ชาย นั่นคือ “หน้า ห. สระอี” ความเจ็บแสบคงอยู่ที่การให้ความหมายแบบสะท้อนกลับ ในเมื่อ ห. สระอี เป็นของที่ผู้ชายโดยมากปรารถนา แต่กลับมีทัศนคติเกี่ยวกับสิ่งนั้น เหมารวมถึง ประจำเดือน ตลอดจนผ้าถุงผู้หญิงเป็นของต่ำ ใครมีของดีของขลังเจอผ้าถุงหรือระดูของผู้หญิงเข้าก็ถึงกับเสื่อมถอย เมื่อผู้ชายเป็นคนตั้งมาตรฐาน ห. สระอี ให้ผู้หญิงเป็นของต่ำ ผู้หญิงก็เอาคำนี้ไว้ด่าผู้ชาย
還有一些女性用來罵女性和男性的髒話,那就是 หน้า ห. สระอี(女性生殖器),一般情況下這個詞所指的東西是男性所向往的,但是這個罵人的詞中也涵蓋了其他並不是很能 上得了檯面的東西,例如月經和女性用過的布,見到之後都會是不祥之兆。既然男性認爲這些東西對他們來說是不吉利的,女性就反過來用這些東西去罵他們。

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙? 第5張


แถวบ้านมีอีกคำที่นิยมด่ากัน นั่นคือ “อีเห็ด” ตระกูลพืชชั้นต่ำ แต่จนแล้วจนรอดถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เข้าใจว่า เห็ด มันมีลักษณะพิเศษเฉพาะตัวอันเป็นคุณสมบัติชั่วช้าเลวทรามที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่างอย่างไร หรือเพราะเห็ดเมื่อได้ฝนโดนไอชื้นเข้าหน่อยละบานสะพรั่ง (เป็นดอกเห็ด) คนถึงเอามาใช้เป็นคำด่าคนด้วยกัน
還會聽到 อีเห็ด“蘑菇”這個罵人的詞,指低賤卑微的人,但至今仍想不明白,蘑菇是怎麼被聯想到污穢骯髒的,不值得被拿來學習呢?可能是因爲蘑菇只需要一點雨水和潮氣就能生長出來,所以才用來罵人(給點陽光就燦爛?)。

“金色的花朵”能有什麼壞心思? 怎麼就成了泰語裏的禁忌詞彙? 第6張



各位小夥伴們長知識了嗎?但是學歸學,可不能罵人哦~

聲明:本文由滬江泰語編譯整理,素材來自silpa-mag,未經允許不得轉載。如有不妥,敬請指正。